หน้าแรกประกาศ

ประกาศมาใหม่

ลงประกาศสินค้าใหม่ที่นี่

สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบสมาชิก

โสมเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ได้รับการเชื่อถือ และนิยมใช้กันมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาหลายพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่ง “ยาอายุวัฒนะ” รากโสมที่นำมาใช้เป็นอาหาร หรือยานั้น ได้มาจากโสมหลายพันธุ์ แต่พันธุ์ที่ดีที่สุด คือ “Panax ginseng C.A. Meyer” เป็นโสมที่มีคุณภาพ และปลูกได้มากในประเทศเกาหลี จึงอาจเรียกว่า “โสมเกาหลี” (โสมที่มี รูปร่างคล้ายคน) จากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่า สารสำคัญที่พบในรากโสม คือ “สารซาโปนิน” (Saponin) ชื่อ ”จินซีโนซายด์” ซึ่งปัจจุบันพบมากกว่า 22 ชนิด โดยแต่ละชนิด มีการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน และยังพบ ด้วยว่าในรากของโสมที่ต่างสายพันธุ์กัน หรือแม้แต่พันธุ์เดียวกัน แต่ปลูกต่างถิ่น จะมีส่วนประกอบของ “จินซีโนซายด์” ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์โสมของแต่ละ แหล่ง มีการออกฤทธิ์แตกต่างกัน ถ้าไม่มีมาตรฐานควบคุมการผลิตที่ดีพอ
โสมตามธรรมชาติ จะมีจำนวนจินซีโนซายด์ที่ไม่เท่ากัน และมีปริมาณจินซีโนซายด์แต่ละชนิดในอัตราส่วนที่ไม่แน่นอน โดยอาจมีการขาดจินซีโนซายด์บางชนิด หรืออาจมีอยู่บ้าง แต่ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม จนไม่สามารถ ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันเราสามารถแยกสารประกอบสำคัญของโสมได้ครบถ้วนและมากขึ้น โดยทดลองนำ “จินซีโนซายด์” (Ginsenosides)
ทั้ง 22 ชนิด มารวมกันในปริมาณและอัตราส่วนต่างๆ กัน เพื่อทำการทดสอบเชิงคลินิก รวมถึง การออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และความเป็นพิษด้วย จนได้ผลมีประสิทธิภาพแน่นอนปลอดภัย จึงได้กำหนดการผลิต
ในอัตราส่วนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เราเรียกกรรมวิธีนี้ว่า “สารสกัดจากมาตรฐานโสม” (Standardized Ginseng Extract)
สารสกัดจากมาตรฐานโสมที่จินซีโนซายด์เข้มข้น 5% มีจินซิโนซายด์ สำคัญอยู่ 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือ แพนแนกซาไทออล กลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์กระตุ้น และเร่งเร้าสรีระภาพ มีคุณสมบัติกระตุ้น การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีความกระปรี้กระเปร่า ต้านทานความเมื่อยล้า และความรู้สึกเครียด เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย หรืออาจเรียกว่า “หยาง” (ฤทธิ์ร้อน)
กลุ่มที่ 2 คือ แพนแนกซาไดออล กลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์ผ่อนคลายสรีระภาพ มีคุณสมบัติ ในด้านการทำให้เกิดความผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ อ๊อกซิเจนถูกนำไปใช้ และเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ได้ดี หรืออาจเรียกว่า “หยิน” (ฤทธิ์เย็น)
ด้วยคุณสมบัติที่ผสมผสานกันอย่างสอดคล้องของสารทั้ง 2 กลุ่มนี้ (ไทออล กับ ไดออล) ประกอบกับค่าครึ่งชีวิต ของสารทั้งสองกลุ่มในร่างกายที่ค่อนข้างแตกต่าง ทำให้จำเป็นต้องควบคุมสัดส่วนของสารทั้งสองกลุ่มให้เหมาะสม เพื่อ ไม่ให้มีคุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป อัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างกลุ่มไทออล กับ กลุ่มไดออล คือ 1.0 ต่อ 1.5 เราจึงได้คุณสมบัติของการเป็นสารปรับสมดุลธรรมชาติ (Adaptogen) ให้กับร่างกายที่มีคุณภาพสูงสุด

“สารสกัดจากมาตรฐานโสมที่มีจินซีโนซายด์เข้มข้น 5%” จึงถือว่ามีคุณภาพสูงสุด เพราะเราเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ของโสม, วิธีการปลูก, การบำรุงรักษา โสมจะปลูกได้เฉพาะที่มีอากาสหนาวเย็น และมีอุณหภูมิ เฉลี่ยที่ 0-25 องศา ต้องมีอายุ 4-6 ปีเท่านั้น จึงจะได้สารจินซีโนซายด์ครบถ้วน
จากนั้นต้องทำความสะอาดรากให้ปลอดเชื้อรา, เชื้อแบคทีเรีย ด้วยเครื่องมืออันทันสมัย พร้อมทั้งคัดเลือกรากที่สมบูรณ์ที่สุด แล้วสกัดด้วยวิธีพิเศษเฉพาะ ด้วยเทคนิคต่างๆ จึงจะสามารถแยก และจำแนกสารจินซีโนซายด์จากรากโสม และสารสกัดจากรากโสมได้อย่างน้อย 22 ชนิด จากนั้นจึงจะนำมาทำให้ตัวสารแห้งด้วยกรรมวิธี Dry Spray Process และควบคุมคุณภาพของสารสกัด เพื่อให้ได้ จินซีโนซายด์ที่มีปริมาณเข้มข้นครบถ้วน แล้วตรวจคุณภาพ สำเร็จรูปอีกครั้ง ด้วยเครื่อง HPLC (High Performance Liquid Chromatography) เพื่อความปลอดภัย และมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา เราจึงมั่นใจว่า “สาร สกัดจากมาตรฐานโสมที่มีจินซีโนซายด์เข้มข้น 5%” เป็นสารอาหารที่มีคุณค่าและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเรามากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ, ใส่ใจ, ในการดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อยืดอายุให้ยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน
ประโยชน์ของสารสกัดจากมาตรฐานโสมที่มีต่อร่างกาย
1. ผลต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด
-ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง
-ลดความดันโลหิตที่สูงให้ต่ำลงกว่าเดิม
-ปรับความดันโลหิตที่ต่ำให้เป็นปกติ
-ทำให้เนื้อเยื่อของหัวใจทนต่อสภาวะขาดออกซิเจนได้ดีขึ้น
-ช่วยให้อัตราการสร้างเม็ดโลหิตมีมากขึ้น
2. ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
-ต้านความเครียด ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทส่วนกลาง
- ช่วยเพิ่มสมาธิ และความตั้งใจได้มากขึ้นและนานขึ้น
-ช่วยเพิ่มความจำ
-ช่วยให้นอนหลับสนิท
3. ผลต่อการเผาผลาญในร่างกาย
-ช่วยให้ระบบเผาผลาญของสารอาหารประเภทแป้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
-ช่วยในการสลายตัวของไขมันในเลือด ลดระดับคลอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้
4. ผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
-ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้มีมากขึ้น ต่อต้านเชื้อโรค, อนุภาคแปลกปลอม, สารเคมี และโรคภูมิแพ้ ต่างๆ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นจากอาการเจ็บป่วยได้เร็ว
5. ผลในการต่อต้านมะเร็ง
-มีฤทธิ์เป็น Anti-Oxidant กำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radical)
-ช่วยรักษาโรคมะเร็งบางอย่าง ร่วมกับวิธีรักษามะเร็งด้วยทั่วไป
-ช่วยให้คนไข้โรคมะเร็งมีภูมิต้านทานดีขึ้น สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยารักษาและการใช้รังสีได้ดี ทำให้ยืดระยะเวลาในการมีชีวิตได้นานขึ้น
6. ผลในด้านอื่นๆ
-ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางการออกกำลังกายได้ดีขึ้น
-ช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น